*เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ปปง. และไม่ไช่หน่วยงานราชการ แต่เป็นบริษัทเอกชนที่เป็นตัวแทนผู้เสียหายในการดำเนินการทางกฎหมาย เท่านั้น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การหลอกลวงผ่านออนไลน์ได้กลายเป็นภัยใกล้ตัวที่เกิดขึ้นกับคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่การหลอกให้โอนเงินค่ามัดจำสินค้าที่ไม่มีอยู่จริง ไปจนถึงการหลอกลงทุนผ่านแพลตฟอร์มปลอม และเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น หลายคนมักรีบพิมพ์คำค้นหาใน Google ว่า “แจ้งความออนไลน์ โดนหลอกโอนเงิน จะได้เงินคืนไหม?”
คำถามนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะสำหรับเหยื่อ นอกจากความเสียใจที่ถูกหลอก ความหวังในการได้เงินคืนกลับมายังเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอยู่ แต่คำถามคือ… การแจ้งความออนไลน์เพียงอย่างเดียว จะช่วยให้ได้เงินคืนได้จริงหรือไม่? ต้องดำเนินการอย่างไรต่อจึงจะมีโอกาสได้ทรัพย์สินคืนกลับมา?
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจอย่างตรงไปตรงมา ว่าการ “แจ้งความออนไลน์” มีผลอย่างไรในกระบวนการตามเงินคืน และเมื่อโดนหลอกโอนเงินจะต้องทำอย่างไร ถึงจะมีโอกาสได้เงินคืนจากมิจฉาชีพ ไปจนถึงการระวังภัยให้ไม่ตกเป็นเหยื่อซ้ำอีกครั้ง
การแจ้งความออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดให้บริการแก่ประชาชน เพื่ออำนวยความสะดวกในการแจ้งเหตุอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงินผ่านระบบออนไลน์ เช่น การหลอกลงทุน การซื้อขายสินค้าหลอกลวง หรือการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งผู้เสียหายสามารถดำเนินการแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานีตำรวจในทันที
ผู้เสียหายสามารถเข้าใช้งานระบบแจ้งความออนไลน์ได้ผ่านเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มทางการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยระบบจะให้กรอกข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเหตุการณ์ เช่น วันเวลาที่เกิดเหตุ รายละเอียดการหลอกลวง ช่องทางการติดต่อกับคนร้าย ข้อมูลการโอนเงิน รวมถึงแนบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น สลิปโอนเงิน ภาพแชต หรือภาพเว็บไซต์ที่ใช้หลอกลวง
หลังจากส่งแบบฟอร์มแจ้งความออนไลน์แล้ว ระบบจะออกเลขรับแจ้งให้ผู้เสียหายสามารถติดตามสถานะได้ และเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับเพื่อดำเนินการสอบปากคำเพิ่มเติม หรือเรียกไปพบที่สถานีตำรวจเพื่อยืนยันตัวตนและลงบันทึกถ้อยคำอย่างเป็นทางการในลำดับต่อไป ทั้งนี้ การแจ้งความออนไลน์ไม่ถือเป็นการลงบันทึกประจำวันโดยสมบูรณ์ แต่เป็นขั้นตอนเบื้องต้นที่ช่วยให้ตำรวจสามารถเริ่มดำเนินการตรวจสอบและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
การแจ้งความออนไลน์จึงเหมาะสำหรับผู้เสียหายที่ต้องการดำเนินคดี แต่อาจไม่สะดวกเดินทางไปสถานีตำรวจทันที หรือมีข้อมูลเบื้องต้นที่พร้อมสำหรับการแจ้งเหตุ ซึ่งการแจ้งผ่านช่องทางนี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลครบถ้วนและเริ่มต้นกระบวนการสอบสวนได้โดยไม่ล่าช้า
ในยุคที่อาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด รูปแบบการแจ้งความก็ต้องปรับให้ทันกับพฤติกรรมของอาชญากรและวิถีชีวิตของประชาชน “แจ้งความออนไลน์” จึงเป็นช่องทางที่ สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ สำหรับการแจ้งเหตุอาชญากรรมโดยเฉพาะในคดีที่เกี่ยวข้องกับ การหลอกลวงทางออนไลน์ การฉ้อโกงเงินผ่านระบบดิจิทัล และอาชญากรรมไซเบอร์ทุกรูปแบบ
แจ้งความออนไลน์ คือ ช่องทางหนึ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดให้ประชาชนสามารถร้องทุกข์เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ผ่านเว็บไซต์ โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานีตำรวจด้วยตนเอง ซึ่งสามารถเข้าใช้งานได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com
ข้อดีของการแจ้งความออนไลน์
ดังนั้น หากคุณโดนหลอกโอนเงิน หรือรู้ตัวว่าเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ การแจ้งความออนไลน์จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญยิ่ง
หากคุณหรือคนใกล้ตัว ถูกหลอกให้โอนเงิน ไม่ว่าจะเป็นกรณีหลอกลงทุน ขายของออนไลน์ หรือคอลเซ็นเตอร์ มีขั้นตอนที่ควรดำเนินการดังนี้
เมื่อทราบว่าตนเองถูกหลอกให้โอนเงิน ก็ต้องหาวิธีแจ้งความโดนหลอกโอนเงิน ซึ่งสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องดำเนินการคือการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมดให้ครบถ้วน โดยหลักฐานที่จำเป็น ได้แก่
การจัดเก็บหลักฐานอย่างเป็นระบบและครบถ้วนจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้รวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อการประสานงานกับธนาคารหรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องเพื่อขออายัดบัญชีและติดตามเงินคืนให้กับผู้เสียหายต่อไป
เมื่อผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงิน ไม่ว่าจะในลักษณะการหลอกลงทุน การแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือการซื้อขายสินค้าออนไลน์ สิ่งที่ควรกระทำทันทีคือการแจ้งต่อหน่วยงานที่สามารถระงับความเสียหายได้ทันท่วงที
สายด่วน 1441 คือ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC) หรือ ศูนย์ AOC การโทรแจ้งสายด่วน 1441 จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเร่งประสานงานไปยังธนาคารปลายทางที่รับเงินจากผู้เสียหาย
เพื่อให้พิจารณาอายัดบัญชีดังกล่าวก่อนที่เงินจะถูกถอนหรือโอนไปยังบุคคลอื่นในเครือข่ายอาชญากร การแจ้งโดยเร็วภายในไม่กี่นาทีหลังโอนเงินจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากเงินยังคงอยู่ในบัญชีม้า การดำเนินการอายัดจะมีโอกาสสำเร็จสูงกว่ามาก
การโทรแจ้งผ่านหมายเลข 1441 ถือเป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด และเป็นช่องทางที่แนะนำให้ผู้เสียหายใช้บริการเป็นอันดับแรก เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีคอยรับสาย ตลอด 24 ชั่วโมง
ข้อดีของการแจ้งผ่านหมายเลข 1441
การยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์คืนกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หรือที่เรียกเต็มว่า “คำร้องขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด” เป็นกระบวนการทางกฎหมายที่เปิดโอกาสให้ผู้เสียหายจากการกระทำผิดอาญา เช่น คดีฉ้อโกง หลอกลวง หรือฟอกเงิน สามารถยื่นเรื่องต่อสำนักงาน ปปง. เพื่อขอคืนทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดไว้โดยรัฐในระหว่างการดำเนินคดี หรือเมื่อมีคำสั่งยึดทรัพย์โดยเด็ดขาด
สำนักงาน ปปง. มีอำนาจในการยึด อายัด และบริหารจัดการทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยหากทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดมีความเชื่อมโยงกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายรายใดรายหนึ่ง หรือหลายราย ผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องต่อ ปปง. เพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์หรือรับคืนเงินหรือทรัพย์สินบางส่วนหรือทั้งหมดที่เกี่ยวข้องได้
ในการยื่นคำร้องดังกล่าว ผู้ร้องต้องแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเสียหายของตนกับทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดไว้ รวมถึงจัดเตรียมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น สลิปการโอนเงิน หลักฐานการติดต่อกับคนร้าย คำสั่งศาล หรือคำสั่งอายัดทรัพย์ โดยการยื่นคำร้องต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดภายหลังจากที่สำนักงาน ปปง. ได้มีการประกาศรายชื่อทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดและเปิดให้ยื่นคำร้อง
ทั้งนี้ การขอเฉลี่ยทรัพย์ไม่ใช่การดำเนินคดีแพ่งหรืออาญาโดยตรง แต่เป็นการขอรับสิทธิในทรัพย์สินที่รัฐได้ยึดไว้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำความผิด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ผู้เสียหายสามารถใช้ในการติดตามเงินหรือทรัพย์สินคืนได้โดยไม่ต้องดำเนินคดีใหม่ด้วยตนเองในบางกรณี
หากประสงค์จะยื่นคำร้อง สามารถดำเนินการได้ที่สำนักงาน ปปง. หรือยื่นผ่านทางระบบออนไลน์ของ ปปง. โดยต้องตรวจสอบประกาศเกี่ยวกับทรัพย์สินและช่วงเวลาที่เปิดให้ยื่นคำร้องผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน ปปง. (www.amlo.go.th) หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ปปง. เปิดให้เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยื่นคำร้องขอคืนทรัพย์สิน
เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายที่ถูกมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงิน โดยเฉพาะในคดีที่เกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์หรือองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ทรัพย์สินถูกโอนไปยังบัญชีม้าหรือแปลงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น คริปโตเคอร์เรนซี
ทีมงาน มีบริการให้คำปรึกษาและดำเนินการติดตามเส้นทางทรัพย์สิน โดยอาศัยเทคโนโลยีการวิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงินและเครื่องมือตรวจสอบบล็อกเชน (AMLBot Pro) ที่ทันสมัย สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อระบุเส้นทางการเคลื่อนย้ายเงินได้อย่างแม่นยำ
บริการนี้เหมาะสำหรับผู้เสียหายที่ไม่ทราบว่าเงินของตนถูกส่งต่อไปที่ใด หรือถูกแปลงเป็นคริปโตแล้วถูกเคลื่อนย้ายอย่างไร รวมถึงผู้เสียหายที่มีข้อมูลบัญชีปลายทางหรือกระเป๋าเงินดิจิทัลของคนร้ายและต้องการความช่วยเหลือในการวิเคราะห์และติดตาม
หากท่านต้องการขอรับบริการดังกล่าว หรือต้องการคำปรึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับโอกาสในการติดตามทรัพย์สินคืน สามารถติดต่อทีมงาน AMLBot Thailand ผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
บริการของ AMLBot Thailand ดำเนินงานโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสืบสวนอาชญากรรมทางการเงิน สามารถช่วยตรวจสอบและจัดทำรายงานสืบสวนเส้นทางเงิน (transaction tracing report) ซึ่งมีความน่าเชื่อถือ
และสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือใช้ประกอบการขอความร่วมมือจากบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล (เช่น Binance, Bybit, Bitazza ฯลฯ) เพื่ออายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้
นอกจากนี้ AMLBot Thailand ยังให้การสนับสนุนด้านการประสานงานระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกับผู้ให้บริการทางการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดตามทรัพย์สินคืนให้แก่ผู้เสียหาย โดยเฉพาะในคดีที่เกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์หรือองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
คำตอบคือ “ไม่พอ” แม้ว่าการแจ้งความจะเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินคดี แต่ “แจ้งความ” ไม่ใช่การเรียกร้องเงินคืน การดำเนินคดีอาญามุ่งเน้นไปที่การพิสูจน์ความผิดของคนร้ายและการลงโทษทางกฎหมายเท่านั้น ส่วนเรื่องเงินของคุณนั้น ต้องเข้าสู่ “กระบวนการติดตามทรัพย์” ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนที่แยกต่างหาก
ตำรวจจะดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่คุณให้ไว้ การโอนเงินที่สามารถสืบสาวได้ รวมถึงความร่วมมือจากธนาคารหรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้อง เช่น Exchange, Wallet Provider, หรือธนาคารต่างประเทศ เป็นต้น
ในกรณีที่ประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ถ้าถามว่า โดนหลอกให้โอนเงิน จะได้เงินคืนไหม ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลงทุน การซื้อขายสินค้าออนไลน์ หรือการหลอกลวงในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งส่งผลให้ต้องโอนเงินไปโดยเข้าใจผิด
หลายคนเข้าใจว่าเพียงแค่ “แจ้งความ” กับพนักงานสอบสวน ณ สถานีตำรวจเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะติดตามเงินคืนได้ อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ การแจ้งความเป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของกระบวนการยุติธรรม มิใช่ขั้นตอนสุดท้ายที่จะทำให้สามารถนำเงินกลับคืนมาได้ทันที หรือ โอกาส ได้ เงิน คืน จาก มิจฉาชีพ นั้นเป็นไปได้ยาก
การแจ้งความเป็นการแจ้งเหตุอาชญากรรมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ และเริ่มต้นการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด โดยตำรวจจะทำหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบบัญชีธนาคารและเส้นทางการโอนเงิน
ตลอดจนออกหนังสือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ธนาคาร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หรือแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีอาญาโดยลำพัง มิได้หมายความว่าผู้เสียหายจะได้รับเงินคืนในทันที เนื่องจากกระบวนการยึด อายัด และคืนทรัพย์สินยังต้องดำเนินการแยกต่างหากตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ในหลายกรณี หากทรัพย์สินของคนร้ายถูกยึดหรืออายัดไว้โดยหน่วยงานรัฐ เช่น ปปง. ผู้เสียหายจะต้องดำเนินการ “ยื่นคำร้องขอคืนหรือเฉลี่ยทรัพย์สิน” ภายในเวลาที่กำหนดตามประกาศของหน่วยงานนั้น ๆ
เพื่อแสดงสิทธิของตนในฐานะผู้เสียหาย และหากเงินของผู้เสียหายถูกแปลงเป็นคริปโตเคอร์เรนซีหรือโอนไปยังต่างประเทศ ผู้เสียหายอาจต้องประสานงานกับหน่วยงานสืบสวนทางการเงินเพิ่มเติม เช่น AMLBot หรือบริษัทเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญในการติดตามเส้นทางเงิน
ดังนั้น หากผู้เสียหายประสงค์จะ “ติดตามและขอคืนเงิน” ที่ถูกหลอกโอนไป การแจ้งความถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จำเป็นต้องทำ แต่ยังไม่เพียงพอ ต้องดำเนินการควบคู่กับการประสานงานด้านการอายัดทรัพย์ การยื่นคำร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และในบางกรณี อาจต้องใช้บริการผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตามทรัพย์สินเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับเงินคืนนั่นเอง
แจ้งความออนไลน์ ช่วยให้ได้เลขรับแจ้งความเป็นหลักฐาน แต่ไม่ใช่ช่องทางคืนเงินโดยตรง และต้องประสานกับธนาคารเพื่อขอ Recall และติดตามผลจากธนาคารผู้รับ หากไม่สำเร็จ ให้ยื่นเรื่องถึง ธปท. และพิจารณาดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับคดีเรียกคืนต่อไป
หากเป็นการโอนผ่านระบบธนาคารปกติ มีโอกาสคืนได้บ้าง แต่ต้องรีบดำเนินการภายใน 1–2 วันแรก และขึ้นกับความร่วมมือของธนาคารผู้รับ
แต่ถ้าหากเป็นการโอนผ่านบล็อกเชน (คริปโต) ต้องยึดตามกระบวนการทางคดีและอาศัยมาตรการอายัดจากศาลเท่านั้น
การทวงคืนเงินเมื่อถูกมิจฉาชีพหลอกให้โอน มีโอกาสได้คืนแต่ไม่รับประกันว่าจะได้คืน 100% เพราะขึ้นกับความร่วมมือของธนาคารและผู้รับเงินปลายทาง
มีผู้เสียหายที่ได้เงินคืนได้จริง (ทั้งเต็มจำนวนและบางส่วน) แต่ต้องรีบดำเนินการในช่วงเวลาสั้นมากหลังโอน หากช้ากว่า 48 ชั่วโมง หรือเป็นการโอนคริปโต โอกาสทวงคืนด้วยวิธีปกติจะ “แทบเป็นไปไม่ได้” กรณีไม่สำเร็จ ควรพิจารณาฟ้องแพ่งเรียกคืนเงินและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม
ยิ่งรีบแจ้งธนาคารผู้ส่งเร็วเท่าไร โอกาสคืนเงินยิ่งสูง คริปโตแทบไม่มีโอกาสได้คืนด้วยวิธีปกติ ต้องพึ่งคำสั่งศาลอายัด หากขั้นตอน Recall ล้มเหลว ควรใช้มาตรการทางคดี (แจ้งความ-ฟ้องแพ่ง-อายัดทรัพย์) เสริม
เป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดนหลอกโดยมิจฉาชีพ ติดต่อเรา
AMLBot Thailand คือมืออาชีพในการติดตามทรัพย์สินพร้อมกับทวงคืนทรัพย์สินที่โดนหลอกโอนเงินจากมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์