*เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ปปง. และไม่ไช่หน่วยงานราชการ แต่เป็นบริษัทเอกชนที่เป็นตัวแทนผู้เสียหายในการดำเนินการทางกฎหมาย เท่านั้น

บริการ ปรึกษาทนาย ฟ้องธนาคารหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง

กรณีที่คุณถูกมิจฉาชีพหลอกลวงจนสูญเสียเงินผ่านบัญชีธนาคาร คุณอาจมีสิทธิ์ฟ้องธนาคารในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่อธนาคารละเลยหน้าที่ตามกฎหมายหรือมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่ควรมีในฐานะผู้ดูแลบัญชีของคุณ เหตุผลที่สามารถฟ้องธนาคารได้ อาจรวมถึงเหตุผลต่อไปนี้

ทนายที่ปรึกษา AMLBot Thailand
ทนาย วัฒนา ผ่องใส
ความบกพร่องในการรักษาความปลอดภัย

หากธนาคารไม่ได้ให้ระบบความปลอดภัยที่เพียงพอ เช่น ระบบ OTP (One-Time Password), การยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (Multi-Factor Authentication) หรือการป้องกันธุรกรรมที่น่าสงสัย กรณีที่ระบบของธนาคารถูกแฮ็ก หรือมีการเจาะระบบโดยบุคคลภายนอก อาจถือว่าธนาคารละเลยหน้าที่ในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและเงินของลูกค้า

การอนุมัติธุรกรรมโดยไม่ได้รับความยินยอม

หากมีธุรกรรมที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของบัญชี เช่น การโอนเงินจำนวนมาก หรือการใช้บัตรเครดิตที่ผิดปกติ ซึ่งธนาคารไม่ได้ตรวจสอบหรือตั้งข้อสังเกตก่อนอนุมัติ

ธนาคารละเลยการตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติ

หากบัญชีของคุณมีธุรกรรมที่ผิดปกติ เช่น การโอนเงินในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม หรือไปยังบัญชีปลายทางที่อาจอยู่ในบัญชีเฝ้าระวัง (Watchlist) แต่ธนาคารกลับปล่อยให้ธุรกรรมดังกล่าวเกิดขึ้น

ละเมิดกฎหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ธนาคารอาจละเมิดข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ เช่น กฎเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลลูกค้า หรือการรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย

การจัดการหลังเหตุการณ์ไม่เหมาะสม

หากธนาคารไม่ให้ความช่วยเหลือที่เพียงพอเมื่อคุณแจ้งปัญหา เช่น การปฏิเสธความรับผิดชอบโดยทันที หรือไม่ให้ความร่วมมือในการติดตามเงินที่สูญเสียไป

แนวทางการดำเนินการฟ้องร้อง

หากคุณถูกหลอกให้โอนเงินและต้องการยื่นฟ้องธนาคารหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง มีแนวทางและขั้นตอนดังนี้

เก็บหลักฐาน

การเก็บหลักฐานเป็นขั้นตอนสำคัญในการดำเนินการทางกฎหมาย คุณควรเก็บข้อมูลดังต่อไปนี้
  • สลิปการโอนเงิน: เช่น ภาพถ่ายสลิปจากแอปพลิเคชันธนาคารหรือเอกสารธนาคาร
  • ข้อความสนทนา: เช่น ข้อความในแอปพลิเคชันแชทที่มีการพูดคุยกับผู้หลอกลวง
  • หมายเลขบัญชีผู้รับโอน: ข้อมูลบัญชีธนาคารปลายทาง
  • ข้อมูลส่วนตัวของคุณ: เช่น เลขที่บัญชี รายละเอียดธนาคาร และเอกสารยืนยันตัวตน
  • ข้อมูลอื่น ๆ: เช่น ลิงก์เว็บไซต์ปลอม หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง

แจ้งความและลงบันทึกประจำวัน

ให้รีบดำเนินการแจ้งความโดยเร็วที่สุด หลังจากที่รู้ตัวแล้วว่าโดนหลอกโอนเงินจากมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แจ้งความกับตำรวจ
  • ไปที่สถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด
  • อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงหลักฐานทั้งหมด
  • ขอใบรับแจ้งความหรือสำเนาบันทึกประจำวัน (ต้องเก็บไว้ใช้เป็นหลักฐาน)
แจ้งกับศูนย์ปราบปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (CCIB)

แจ้งธนาคาร

ให้ดำเนินการแจ้งธนาคารที่เกี่ยวข้องเพื่อระงับการโอนเงินหรืออายัดบัญชีปลายทาง

ติดต่อธนาคารของคุณ

  • โทรแจ้งศูนย์บริการลูกค้า หรือไปที่สาขา
  • แจ้งเหตุการณ์พร้อมแสดงหลักฐาน
  • ขอให้ธนาคารตรวจสอบและติดตามเงินที่โอนไป

แจ้งธนาคารปลายทาง

  • ติดต่อธนาคารที่ผู้หลอกลวงใช้บัญชี
  • ร้องขอให้อายัดบัญชีผู้หลอกลวง

ละเมิดกฎหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง

หากพบว่าธนาคารมีส่วนเกี่ยวข้องหรือปฏิบัติหน้าที่โดยประมาท สามารถดำเนินการฟ้องร้องได้: เงื่อนไขการฟ้องธนาคาร
  • หากธนาคารไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรฐานการป้องกันการฟอกเงิน (เช่น การไม่ตรวจสอบข้อมูลบัญชีปลอม)
  • หากธนาคารไม่ให้ความร่วมมือในการช่วยติดตามเงิน
ขั้นตอนการฟ้องร้อง ปรึกษาทนายความ
  • หาทนายที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายการเงินและธนาคาร
  • อธิบายกรณีและแสดงหลักฐาน
ยื่นคำฟ้องต่อศาล
  • เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง (เช่น หลักฐานการโอนเงิน บันทึกประจำวันจากตำรวจ)
  • ระบุข้อกล่าวหา เช่น ความประมาทเลินเล่อของธนาคาร หรือการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่
ยื่นคำร้องต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT)
  • หากพบว่าธนาคารละเมิดข้อกำหนดหรือไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์
  • ติดต่อศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (โทร. 1213)

ใช้ช่องทางกฎหมายเพิ่มเติม

หากการฟ้องธนาคารไม่สามารถแก้ไขได้ คุณสามารถพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมได้ดังนี้

  • ร้องเรียนต่อหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
  • ยื่นฟ้องคดีอาญาหรือแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ที่เกี่ยวข้อง

คำแนะนำเพิ่มเติม

ให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการติดตามเงินมีโอกาสสำเร็จสูงหากดำเนินการทันทีหลังเหตุการณ์ หลีกเลี่ยงการพูดคุยกับผู้หลอกลวงเพิ่มเติม และแจ้งเตือนผู้อื่นเพื่อป้องกันการหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน