*เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ปปง. และไม่ไช่หน่วยงานราชการ แต่เป็นบริษัทเอกชนที่เป็นตัวแทนผู้เสียหายในการดำเนินการทางกฎหมาย เท่านั้น

โดนหลอกโอนเงิน? วิธีแจ้งความออนไลน์แบบละเอียด
พร้อมช่องทางติดต่อ

แจ้งความออนไลน์ คือการแจ้งความ ร้องทุกข์ ให้พนักงานสอบสวน ทำการสืบสวนสอบสวนคดีของผู้เสียหายผ่านทางช่องทางออนไลน์โดยที่ไม่ต้อง ไปทำการแจ้งความลงบันทึกประจำวันและพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจจริง ๆ

แม้ว่าภายหลังจากการทำการแจ้งความออนไลน์เสร็จแล้วยังไงก็ต้องมีการเข้าไปพบพนักงานสอบสวนอย่างน้อยหนึ่งครั้งอยู่ดี แต่การ แจ้งความออนไลน์ โดนหลอกโอนเงิน จะช่วยให้มีการอายัดบัญชีปลายทางได้เร็วขึ้นกว่าการที่ผู้เสียหายจะต้องเดินทางไปทำการแจ้งความที่โรงพัก

สารบัญ

กรณีใดที่สามารถแจ้งความออนไลน์ได้?

การแจ้งความออนไลน์นั้นกำหนดมาจากพระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาอย่างเร่งด่วนเพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ซึ่งแน่นอนว่าการแจ้งความออนไลน์นั้นสามารถแจ้งได้เฉพาะกรรมทางเทคโนโลยีหรือคดีออนไลน์เท่านั้น ส่วนการลักวิ่งชิงปล้น และคดีอาญาอื่น ๆ ตามปกตินั้น ผู้เสียหายยังมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปร้องทุกข์ดำเนินคดีที่สถานีตำรวจด้วยตัวเองอยู่ดี

คำว่าอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตามคำนิยามของพระราชกำหนดเพราะป้องกันและปราบปรามอาจจะกรรมทางเทคโนโลยี สำนักกฏหมายและวิชาการศาลยุติธรรม ได้ทำการแจกแจงความหมายของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตามพระราชกำหนดดังกล่าวออกเป็นสามประเภท ดังนี้

1. การกระทำผิดหรือพยายามกระทำผิดเพื่อฉ้อโกง กรรโชก หรือรีดเอาทรัพย์ โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์

การกระทำความผิดหรือพยายามกระทำความผิดตามกฏหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เพื่อฉ้อโกง กรรโชก หรือรีดเอาทรัพย์ บุคคลหนึ่งบุคคลใด ซึ่งหมายถึงการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พุทธศักราช 2550 ที่ผู้กระทำต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อกระทำการฉ้อโกง กระโชก หรือรีดเอาทรัพย์บุคคลหนึ่งบุคคลใด

ตัวอย่าง

มีเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่รู้จักโทรไปหาผู้เสียหายอ้างตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และบอกกับผู้เสียหายว่าตนเองตรวจพบว่าผู้เสียหายมีส่วนเข้าไปพัวพันเกี่ยวกับความผิดฐานยาเสพติดและฐานฟอกเงิน ให้ผู้เสียหายทำการโอนเงินในบัญชีมาให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบ

ซึ่งหากผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินไปจริง ความผิดดังกล่าวก็จะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงโดยสมบูรณ์ และเป็นการฉ้อโกงโดยมีการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กล่าวคือโทรศัพท์มือถือ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ

อันจะถือได้ว่าการกระทำดังกล่าวนั้นครบองค์ประกอบที่จะกลายเป็นอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ผู้เสียหายสามารถแจ้งความทางช่องทางออนไลน์ได้

อาชญากรรมทางเทคโนโลยีในข้อนี้ยังรวมไปถึงกรณีกลุ่มคนที่โพสต์หลอกขายสินค้า กลุ่มคนที่ทักเฟสไปชวนคุยหลอกให้รักและชวนมาลงทุนหรือชวนมาจ่ายเงินทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งหลอกให้กู้เงินทางช่องทางออนไลน์โดยหลอกให้ผู้เสียหายจ่ายมัดจำหรือจ่ายค่าธรรมเนียมต่าง ๆ และเอาเงินไปเลยด้วย

2. การกระทำผิดที่ไม่ใช่การฉ้อโกง แต่เป็นการละเมิดระบบคอมพิวเตอร์และทำให้ผู้อื่นเสียหาย

การกระทำหรือพยายามกระทำความผิดตามกฏหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์โดยประการที่ได้จะทำให้บุคคลอื่นเสียหาย กล่าวคือแม้เป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่การฉ้อโกงหรือการกรรโชกหรือรีดเอาทรัพย์ตามข้อแรก แต่เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะทำให้บุคคลอื่นเสียหาย ก็ถือว่าเป็นอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเช่นกัน

ตัวอย่าง

คนร้ายที่แอบเอาโทรศัพท์มือถือของผู้อื่นไป โอนเงินออกจากแอพธนาคารในโทรศัพท์ไปยังบัญชีอื่น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์แต่เนื่องจากการกระทำดังกล่าวยังมีความผิดฐานเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิได้ได้รับอนุญาต

ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พุทธศักราช 2550 ด้วยเพราะฉะนั้นการกระทำดังกล่าวนี้ก็ถูกนับว่าเป็นอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเช่นกัน

3. การกระทำความผิดฐานฉ้อโกง กรรโชกทรัพย์หรือรีดเอาทรัพย์ โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ

การกระทำความผิดฐานฉ้อโกง กรรโชกทรัพย์หรือรีดเอาทรัพย์ โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ หมายถึง การกระทำความผิดที่องค์ประกอบหลักเป็นการฉ้อโกง กรรโชก หรือรีดเอาทรัพย์ แต่กระทำผ่านหรือโดยอาศัยระบบคอมพิวเตอร์เป็นช่องทางหลัก

เช่น การใช้แอปพลิเคชัน แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรือซอฟต์แวร์สื่อสารออนไลน์เพื่อดำเนินการหลอกลวงผู้อื่นให้สูญเสียทรัพย์สิน

แพลตฟอร์มหรือช่องทางใดที่สามารถแจ้งความออนไลน์ได้

การแจ้งความในคดีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น “แจ้งความออนไลน์ โดนหลอกโอนเงิน” สามารถดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ได้โดยไม่ต้องเดินทางไปสถานีตำรวจในเบื้องต้น โดยมี 3 ช่องทางหลัก ที่ผู้เสียหายสามารถเลือกใช้บริการได้ ดังนี้

1. โทรแจ้งผ่านหมายเลข 1441

ช่องทางแรก คือการโทรไปที่เบอร์ 1441 ซึ่งเป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด และเป็นช่องทางที่ทางเราแนะนำให้ผู้เสียหายเลือก เนื่องจากช่องทางดังกล่าวนั้นจะมีเจ้าหน้าที่รับแจ้งความที่มีความชำนาญและความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการรับแจ้งความอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คอยบริการตลอด 24 ชั่วโมง

อีกทั้งเจ้าหน้าที่ 1441 จะคอยทำการโอนสายหรือว่ารวมสายกับเจ้าหน้าที่ธนาคารทุกธนาคารในประเทศไทยได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเมื่อผู้เสียหายได้ทำการโทรไปแจ้งความที่ 1441 แล้วเจ้าหน้าที่ 1441 จะทำการต่อสายหรือรวมสายให้ผู้เสียหายได้คุยสอบถามรายละเอียดกับทางธนาคารเพื่อที่จะให้ธนาคารทำการอายัดบัญชีปลายทางได้ในทันที

จากนั้นเจ้าหน้าที่ 1441 ก็จะให้ผู้เสียหายเลือก ว่าสะดวกจะเข้าไปให้การกับพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจใด โดยผู้เสียหายก็จะมีสิทธิ์เลือกเพื่อที่จะเข้าไปให้การในสถานีตำรวจที่ตนสะดวกที่สุด โดยพนักงานสอบสวนในสถานีตำรวจที่ผู้เสียหายเลือกจะกลายเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนั้นไปทันที

โดยหลังจากแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ 1441 เสร็จและทำการอายัดบัญชีเสร็จแล้ว พนักงานสอบสวนในสถานีตำรวจที่ผู้เสียหายเลือกก็จะมารับช่วงต่อเพื่อไปดำเนินการตามขั้นตอนอื่น ๆ ต่อไป

การโทรแจ้งผ่านหมายเลข 1441 ถือเป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด และเป็นช่องทางที่แนะนำให้ผู้เสียหายใช้บริการเป็นอันดับแรก เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีคอยรับสาย ตลอด 24 ชั่วโมง

ข้อดีของการแจ้งผ่านหมายเลข 1441

  • เจ้าหน้าที่สามารถ ประสานงานกับธนาคารทุกแห่งในประเทศไทย ได้ทันที และดำเนินการเชื่อมสายให้ผู้เสียหายพูดคุยกับธนาคารปลายทางเพื่อ ดำเนินการอายัดบัญชี ได้อย่างทันท่วงที
  • หลังการแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ 1441 จะให้ผู้เสียหาย เลือกสถานีตำรวจที่สะดวก เพื่อดำเนินการในชั้นสอบสวน โดยพนักงานสอบสวนของสถานีดังกล่าวจะเป็นผู้รับผิดชอบคดีต่อไปจนสิ้นสุดกระบวนการ

 

2. โทรแจ้งธนาคารต้นทาง

ช่องทางที่สอง คือการโทรแจ้งธนาคารต้นทางเพื่อเอาเลข Bank Case ID โดยธนาคารต้นทาง หมายถึงธนาคารของผู้เสียหายที่ผู้เสียหายทำการโอนเงินจากธนาคารดังกล่าวไปให้กับคนร้ายไม่ว่าธนาคารปลายทางจะเป็นธนาคารอะไรก็ตาม

ธนาคารต้นทางของผู้เสียหายจะช่วยทำการติดต่อประสานงานกับธนาคารปลายทางเพื่อทำการอายัดบัญชีให้ และจะให้เลข Bank Case ID กับผู้เสียหายมา เพื่อที่จะให้ผู้เสียหายเอา Bank Case ID ดังกล่าวไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ในสถานีตำรวจที่ผู้เสียหายมีความสะดวกที่จะแจ้งความต่อไป

ผู้เสียหายสามารถเลือกโทรแจ้ง ธนาคารต้นทาง (คือธนาคารของผู้เสียหายที่ทำธุรกรรมโอนเงินไปยังบัญชีของผู้กระทำความผิด) เพื่อขอ เลขอ้างอิง Bank Case ID ซึ่งใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการดำเนินการแจ้งความ

ธนาคารต้นทางจะดำเนินการประสานกับธนาคารปลายทางเพื่ออายัดบัญชี และแจ้ง Bank Case ID ให้ผู้เสียหาย นำไปใช้ในการแจ้งความที่สถานีตำรวจในภายหลัง โดยช่องทางนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดำเนินการด้วยตนเองเป็นลำดับแรก และเตรียมพร้อมสำหรับเข้าพบพนักงานสอบสวนโดยตรง

3. แจ้งความทางช่องทางออนไลน์ด้วยตัวเอง

ช่องทางที่สาม คือการแจ้งความทางช่องทางออนไลน์ด้วยตัวเอง ผ่านทาง thaipoliceonline.go.th โดยขณะที่กรอกข้อมูลแจ้งความเว็บไซต์ดังกล่าวจะถามว่าผู้เสียหายได้โทรแจ้งธนาคารต้นทางหรือยัง

หากยังเว็บไซต์จะบังคับให้ผู้เสียหายโทรแจ้งธนาคารต้นทางก่อนเพื่อนำ Bank Case ID มากรอกในเว็บไซต์เพื่อที่จะได้ดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้ ซึ่งพอกรอก Bank Case ID ไปแล้วเว็บไซต์ก็จะให้กรอกรายละเอียดที่เกี่ยวข้องและจำเป็นในคดีอื่น ๆ ต่อไปจนครบ

โดยหากผู้เสียหายเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการใช้คอมพิวเตอร์ช่องทางนี้ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สะดวกดีเช่นกัน โดยเมื่อทำการร้องทุกข์ผ่านทางเว็บไซต์เสร็จแล้ว สถานีตำรวจที่ผู้เสียหายเลือกให้เป็นสถานีตำรวจผู้รับผิดชอบจะทำการนัดผู้เสียหายเพื่อเข้าไปให้การในชั้นสอบสวนต่อไป

ผู้เสียหายสามารถเข้าแจ้งความทางออนไลน์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ thaipoliceonline.go.th

เมื่อเข้าไปยังเว็บไซต์ดังกล่าว ผู้เสียหายจะต้องกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มที่กำหนด โดยระบบจะสอบถามว่าได้แจ้งธนาคารต้นทางแล้วหรือไม่ หากยังไม่ได้แจ้งธนาคาร ระบบจะแนะนำให้ดำเนินการติดต่อธนาคารต้นทางก่อน และจะให้กรอกหมายเลข Bank Case ID เพื่อให้สามารถดำเนินการต่อในระบบได้

หลังจากกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ระบบจะส่งเรื่องไปยังสถานีตำรวจที่ผู้เสียหายเลือก และเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับเพื่อนัดหมายให้ผู้เสียหาย เข้าให้ถ้อยคำในชั้นสอบสวน ณ สถานีตำรวจ ต่อไป

ช่องทางนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความคุ้นเคยในการใช้คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ต และสามารถกรอกข้อมูลได้ด้วยตนเองอย่างครบถ้วน

ข้อมูลที่ควรเตรียมให้พร้อมก่อนแจ้งความออนไลน์ โดนหลอกโอนเงิน

ก่อนดำเนินการแจ้ง ตํารวจไซเบอร์ แจ้งความออนไลน์ ในกรณีที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะกรณี ถูกหลอกให้โอนเงิน ผู้เสียหายควรจัดเตรียมข้อมูลและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งข้อมูลสำคัญที่ควรเตรียมมีดังต่อไปนี้

1. หลักฐานการโอนเงิน

ข้อมูลที่ควรเตรียมให้พร้อมก่อนการแจ้งความออนไลน์ ข้อมูลที่สำคัญที่สุดที่จะต้องใช้ในการ แจ้งความออนไลน์ โดนหลอกโอนเงิน ก็คือรายละเอียดการโอนเงินและเหตุผลในการโอนแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งผ่านทาง 1441 หรือทางช่องทางอื่น ๆ

สุดท้ายแล้วยังไงก็ต้องมีการคุยกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร แม้ว่าเราจะไม่รู้เลขบัญชีปลายทางแต่ถ้าเรามีรายละเอียดชัดเจนว่าเราโอนจากบัญชีไหน วันเวลาไหน เป็นจำนวนเงินเท่าไร

เจ้าหน้าที่ธนาคารที่คุยกับผู้เสียหายก็จะช่วยดูในระบบของธนาคารได้ว่ามีรายการธุรกรรมนั้นอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งผู้เสียหายไม่ต้องกังวลว่าจำเลขบัญชีปลายทางของคนร้ายไม่ได้

1. รายละเอียดการโอนเงิน
เอกสารหรือข้อมูลเกี่ยวกับการโอนเงินถือเป็นหลักฐานสำคัญที่สุดในการแจ้งความ ได้แก่

  • ชื่อบัญชีต้นทาง (บัญชีของผู้เสียหาย)
  • วันที่และเวลาที่ทำรายการ
  • จำนวนเงินที่โอน
  • เหตุผลหรือข้อความประกอบการโอน (ถ้ามี)

แม้ผู้เสียหายจะไม่ทราบ เลขบัญชีปลายทาง ที่โอนเงินไป เจ้าหน้าที่ธนาคารยังสามารถตรวจสอบจากข้อมูลต้นทางที่ชัดเจนได้ว่ามีธุรกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือไม่ จึงขอให้ผู้เสียหาย ไม่ต้องกังวล หากไม่สามารถจำเลขบัญชีปลายทางได้

2. ช่องทางการติดต่อของคนร้าย

ช่องทางต่าง ๆ ที่คนร้ายใช้ติดต่อกับผู้เสียหายก็มีความจำเป็นที่จะต้องเรียบเรียงไว้ก่อนที่จะทำการแจ้งความ เช่น หากคนร้ายติดต่อมาทาง Facebook ก็ต้องดูชื่อแอคเคาท์ Facebook นั้นว่าชื่ออะไร

เป็น Facebook ส่วนตัวหรือเป็น Fanpage (แฟนเพจ) ควรจะทำการเรียบเรียงไว้ให้ดี หากใช้ LINE เป็นช่องทางติดต่อก็ควรจะเรียบเรียงไว้ให้ดีว่า เป็นบัญชีไหน ชื่ออะไรบ้าง และแต่ละ LINE คุยอะไรกันบ้าง

ช่องทางต่าง ๆ ที่คนร้ายใช้ติดต่อกับผู้เสียหายก็มีความจำเป็นที่จะต้องเรียบเรียงไว้ก่อนที่จะทำการแจ้งความ ผู้เสียหายควรจัดเตรียมรายละเอียดเกี่ยวกับช่องทางที่ใช้ในการติดต่อกับผู้กระทำความผิด เช่น

  • ชื่อบัญชี Facebook หรือชื่อแฟนเพจ (กรณีติดต่อผ่าน Facebook)
  • ชื่อบัญชี LINE หรือหมายเลขโทรศัพท์ (กรณีติดต่อผ่าน LINE หรือแอปอื่น)
  • อีเมล แพลตฟอร์มเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันที่ใช้ติดต่อ

ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบเส้นทางการติดต่อและระบุพฤติการณ์ของคนร้ายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

3. หลักฐานการพูดคุยกับคนร้าย

ส่วนการแคปหน้าจอแชทหรือการนำแชทที่คุยกับคนร้ายก็มีความสำคัญเช่นกัน แต่อยากแนะนำว่ายังไม่ต้องทำการพรินต์เป็นกระดาษออกมาเพื่อนำไปให้พนักงานสอบสวน

เพราะพนักงานสอบสวนจะต้องรับกระดาษแชทดังกล่าวต่อวันเป็นจำนวนมาก ทำให้แชทของผู้เสียหายที่พรินต์ออกมามีโอกาสหายสูงมาก เพราะฉะนั้นควรจะเซฟเป็นภาพหรือเป็นไฟล์ PDF ไว้ก่อนและเก็บไว้ที่ตนเองก่อนหรือทำการส่งเป็นไฟล์ให้กับพนักงานสอบสวนไปก่อน

เนื่องจากเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้จริง ๆ แล้ว จะได้สามารถส่งให้พนักงานสอบสวนอีกครั้งได้โดยง่ายและหากเราเก็บไว้เป็นไฟล์โอกาสสูญหายก็จะน้อยลง

หลักฐานการพูดคุยหรือสนทนา ข้อความ (แชท) ระหว่างผู้เสียหายกับผู้กระทำความผิดมีความสำคัญอย่างยิ่ง การแคปหน้าจอแชทหรือการนำแชทที่คุยกับคนร้ายมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีความสำคัญ และควรทำดังนี้

  • จัดเก็บเป็นไฟล์ภาพหรือ PDF ไม่ควรพิมพ์ลงกระดาษทันที เนื่องจากเอกสารกระดาษอาจสูญหายระหว่างกระบวนการสอบสวน
  • แนะนำให้เก็บไว้ในโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ของตนเอง และสามารถส่งให้พนักงานสอบสวนในรูปแบบไฟล์ได้เมื่อต้องการใช้งานจริง

การเก็บหลักฐานในรูปแบบไฟล์จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญหาย และยังสะดวกต่อการส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยง่าย

วิธีแจ้งความออนไลน์

ขั้นตอนการ แจ้งความออนไลน์ โดนโกง โดยละเอียด (สำหรับกรณีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น ถูกหลอกโอนเงิน, โดนหลอกโอนเงิน, โดนหลอกซื้อของ ฯลฯ) สามารถดำเนินการได้ผ่านระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. เตรียมเอกสารและข้อมูลก่อนแจ้งความ

ก่อนเข้าสู่ระบบแจ้งความออนไลน์ ควรเตรียมข้อมูลและเอกสารสำคัญให้พร้อม ดังนี้

  • บัตรประชาชน / หนังสือเดินทาง (กรณีชาวต่างชาติ)
  • หมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้
  • หลักฐานการถูกหลอกลวง เช่น
    • รูปแชท หรือภาพหน้าจอการสนทนา
    • สลิปการโอนเงิน / รายการเดินบัญชี
    • บัญชีธนาคาร หรือกระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ต้องสงสัย
    • ชื่อ-เบอร์โทรติดต่อ-เลขบัญชีของผู้ต้องสงสัย
  • วันที่/เวลา/เหตุการณ์โดยละเอียด

2. เข้าเว็บไซต์แจ้งความออนไลน์

  • เข้าเว็บไซต์ thaipoliceonline.com
  • คลิกที่เมนู “แจ้งความออนไลน์” (หรือ “แจ้งความคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี”)

3. ลงทะเบียนหรือเข้าสู่ระบบ

  • กรอกข้อมูลส่วนตัว (เช่น เลขบัตรประชาชน, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล)
  • ยืนยันตัวตนผ่าน OTP หรือระบบที่กำหนด
  • เข้าสู่ระบบเพื่อเริ่มการแจ้งความ

4. กรอกแบบฟอร์มการแจ้งความ

ในหน้าฟอร์มแจ้งความ ต้องกรอกข้อมูลดังนี้

  • ประเภทความผิด เช่น ฉ้อโกงออนไลน์, หลอกลงทุน, แอบอ้างชื่อ ฯลฯ
  • รายละเอียดเหตุการณ์ (ให้เขียนอย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น)
  • วัน/เวลา/สถานที่เกิดเหตุ
  • ชื่อบัญชีหรือชื่อผู้ต้องสงสัย (ถ้ามี)
  • แนบหลักฐาน เช่น ไฟล์ PDF / JPG / PNG (สามารถแนบได้หลายไฟล์)
  • ข้อมูลผู้เสียหาย (ตนเอง)

5. ตรวจสอบความถูกต้องก่อนส่ง

  • อ่านทบทวนข้อมูลให้ครบถ้วน
  • กดปุ่ม “ยืนยันการแจ้งความ”
  • ระบบจะแจ้งหมายเลขอ้างอิง และส่งอีเมลยืนยันการแจ้งความให้

6. การติดตามผลและการเข้าพบเจ้าหน้าที่

  • หลังจากแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่สอบสวนจะติดต่อกลับเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
  • ผู้เสียหายต้อง เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจในพื้นที่ (ที่รับผิดชอบคดี) เพื่อ
    • ลงบันทึกประจำวัน
    • ให้ปากคำอย่างเป็นทางการ
    • ลงนามในเอกสารตามกฎหมาย

⚠️ หมายเหตุ : การแจ้งความออนไลน์ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถ อายัดบัญชี / กระเป๋าคริปโต ได้เร็วขึ้น แต่ยังต้องพบเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนตามกฎหมาย

7. ช่องทางเพิ่มเติมสำหรับแจ้งเรื่องเร่งด่วน

  • สายด่วน 1441 (ศปอส.ตร.) – กรณีต้องการอายัดบัญชีด่วน
  • Facebook : ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • แจ้งผ่านแอปพลิเคชัน “Police i lert u”

ตัวอย่าง วิธีการแจ้งความออนไลน์ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

Powered By EmbedPress

สามารถแจ้งความออนไลน์ในกรณีที่ไม่มีหลักฐานได้หรือไม่?

สามารถแจ้งความออนไลน์ได้ แม้ในกรณีที่ผู้เสียหายไม่มีเอกสารหรือหลักฐานในเบื้องต้น เช่น ไม่มีข้อความสนทนา (แชท) หรือไม่มีภาพถ่ายสลิปการโอนเงิน ทั้งนี้เพราะว่าในกรณีที่มีการโอนเงินไปยังบัญชีของผู้กระทำความผิด ข้อมูลธุรกรรมทางการเงินดังกล่าวถือเป็นหลักฐานสำคัญ และจะถูกบันทึกไว้ในระบบของธนาคารต้นทางและธนาคารปลายทางอยู่แล้ว

เมื่อผู้เสียหายโทรแจ้งเหตุผ่านศูนย์ 1441 เจ้าหน้าที่จะดำเนินการประสานไปยังธนาคารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินการในเบื้องต้น เช่น การขอระงับบัญชีปลายทางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด โดยที่ผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องมีเอกสารใด ๆ อยู่ในมือในขณะนั้น

ในกรณีที่ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจโดยตรง เจ้าหน้าที่มักจะแนะนำให้ผู้เสียหายติดต่อธนาคารของตนก่อน เพื่อขอหมายเลข “Bank Case ID” ซึ่งเป็นเลขอ้างอิงสำคัญสำหรับให้ธนาคารตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง และยืนยันว่ามีการโอนเงินไปยังบัญชีที่ผู้เสียหายระบุจริงหรือไม่

ดังนั้น หากมีการโอนเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพจริง แม้ไม่มีเอกสารหลักฐานในครอบครอง ก็ยังสามารถแจ้งความออนไลน์หรือที่สถานีตำรวจได้ โดยข้อมูลสำคัญต่าง ๆ จะสามารถติดตามและดึงจากธนาคารที่เกี่ยวข้องได้ภายหลัง ทั้งนี้ ผู้เสียหายควรแจ้งเหตุโดยเร็วที่สุดเพื่อให้มีโอกาสในการติดตามและระงับความเสียหายได้อย่างทันท่วงที

การแจ้งความออนไลน์สามารถใช้แทนการไปสถานีตำรวจได้หรือไม่?

ในปัจจุบัน การแจ้งความออนไลน์สามารถดำเนินการได้ผ่านสองช่องทางหลัก ได้แก่

  • การแจ้งผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือเว็บไซต์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • การแจ้งผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 1441

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการแจ้งความผ่านช่องทางออนไลน์หรือทางโทรศัพท์แล้ว ผู้เสียหายยังคงจำเป็นต้องเข้าพบพนักงานสอบสวน ณ สถานีตำรวจในภายหลัง เพื่อให้ถ้อยคำและดำเนินกระบวนการทางกฎหมายอย่างครบถ้วนตามระเบียบของกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ทั้งนี้ หากผู้เสียหายทราบว่าตนตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมออนไลน์ ขอแนะนำให้รีบโทรแจ้งที่สายด่วน 1441 โดยทันที เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านคดีออนไลน์ และทำงานประสานงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารหลายแห่งทั่วประเทศ ซึ่งสามารถดำเนินการประสานงานเพื่อระงับการทำรายการทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีได้ในเบื้องต้น อาทิ การอายัดบัญชีหรือระงับธุรกรรมปลายทางได้อย่างทันท่วงที

อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ของศูนย์ 1441 มีประสบการณ์สูงในการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เนื่องจากรับแจ้งเหตุในลักษณะดังกล่าวจำนวนมากในแต่ละวัน ทำให้สามารถเข้าใจบริบทของคดีและให้คำแนะนำแก่ผู้เสียหายได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว

สรุปคือ การแจ้งตํารวจไซเบอร์ แจ้งความออนไลน์ หรือผ่านสายด่วน 1441 เป็นเพียงขั้นตอนเบื้องต้นที่ช่วยให้สามารถเริ่มต้นกระบวนการตรวจสอบและระงับความเสียหายได้ทันเวลา แต่ผู้เสียหายยังคงต้องเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายให้สมบูรณ์ต่อไป

หลังจากแจ้งความออนไลน์แล้วต้องทำอย่างไรต่อ?

หลังจากแจ้งความออนไลน์แล้วผู้เสียหายก็มีหน้าที่รอที่จะไปให้การเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนโดยบางครั้งหากมีประเด็นเยอะพนักงานสอบสวนอาจจะต้องเรียกสอบจำนวนหลายครั้ง และหากมีการส่งสำนวนให้อัยการ

อัยการอาจจะสั่งให้พนักงานสอบสวนมาสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมในประเด็นที่อัยการคิดว่ายังขาดเหลืออยู่ เพราะฉะนั้นหน้าที่หลัก ๆ ของผู้เสียหายหลังจากทำการแจ้งความก็คือการที่ต้องให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน

ส่วนในเรื่องของการขอข้อมูลธนาคารนั้น ในปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกพยานเอกสารหรือหมายอายัดบัญชีให้ผู้เสียหายถือที่ธนาคารแล้ว

เพราะฉะนั้นผู้เสียหายก็ไม่สามารถขอให้พนักงานสอบสวนออกหมายขอข้อมูลให้ตนเองเพื่อที่ตนเองจะนำไปยื่นให้กับธนาคารได้แล้วในปัจจุบัน แต่ในส่วนนี้ยังมีความเข้าใจผิดอยู่มากโดยเฉพาะในส่วนของธนาคารต่าง ๆ

เพราะธนาคารต่าง ๆ จะยังไม่ได้ปรับระบบในการแนะนำผู้เสียหายให้เป็นปัจจุบัน โดยธนาคารชอบแนะนำให้ผู้เสียหายนำเอกสารหมายอายัดตราครุฑจากพนักงานสอบสวนมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อทำการอายัดบัญชีหรือทำการขอข้อมูล

ทำให้คำแนะนำของพนักงานสอบสวนกับเจ้าหน้าที่ธนาคารนั้นไม่ตรงกันในจุดนี้ ซึ่งสิ่งที่ถูกก็คือพนักงานสอบสวนต้องส่งหมายไปเองผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ที่ธนาคารได้ทำข้อตกลงไว้กับพนักงานสอบสวน โดยที่พนักงานสอบสวนไม่สามารถให้ผู้เสียหายถือหมายไปเองได้แล้วในปัจจุบัน

จะได้รับผลการดำเนินการจากการแจ้งความออนไลน์เมื่อไร?

ระยะเวลาในการได้รับผลการดำเนินการภายหลังจากการแจ้งความออนไลน์นั้น ขึ้นอยู่กับกระบวนการดำเนินงานของสถานีตำรวจที่รับเรื่อง และลักษณะเฉพาะของแต่ละคดีเป็นสำคัญ โดยทั่วไปเมื่อมีการแจ้งความไม่ว่าจะผ่านทางออนไลน์ ผ่านสายด่วน 1441 หรือแจ้งด้วยตนเองที่สถานีตำรวจ พนักงานสอบสวนจะดำเนินการส่งคำร้องขอข้อมูลไปยังธนาคารที่เกี่ยวข้องภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 วันทำการ

ภายหลังจากที่ธนาคารได้รับคำร้องขอ ธนาคารจะจัดส่งข้อมูลเส้นทางการเงินเบื้องต้นกลับมายังพนักงานสอบสวนภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วันทำการ ซึ่งโดยภาพรวมแล้ว ผู้เสียหายสามารถสอบถามผลความคืบหน้าเบื้องต้นได้ภายในระยะเวลาโดยประมาณไม่เกิน 10 วัน นับจากวันที่มีการแจ้งความ

สำหรับรายละเอียดของเส้นทางการเงินในเชิงลึกนั้น จะขึ้นอยู่กับการดำเนินการเพิ่มเติมของพนักงานสอบสวนในการร้องขอข้อมูลเพิ่มเติมไปยังสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง โดยในปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีระบบเชื่อมโยงกับสถาบันการเงินหลายแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่สามารถให้ข้อมูลตอบกลับได้ภายในประมาณ 7 วันนับจากวันที่ได้รับคำร้องขอ

อย่างไรก็ตาม การได้รับข้อมูลอาจล่าช้าได้ในบางกรณี โดยเฉพาะเมื่อมีการโอนเงินผ่านแพลตฟอร์มที่ไม่ได้เป็นธนาคารพาณิชย์โดยตรง เช่น ทรูมันนี่ หรือแพลตฟอร์มการเงินอื่นบางแห่ง ซึ่งอาจใช้เวลานานในการตอบกลับหรือไม่ตอบกลับเลยในบางกรณี

ดังนั้น ระยะเวลาในการได้รับผลการดำเนินการจากการ แจ้งความออนไลน์ โดนหลอกโอนเงิน อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคดี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น การตอบสนองของสถาบันการเงิน การติดตามของพนักงานสอบสวน และอุปสรรคเฉพาะของแต่ละคดี ผู้เสียหายจึงควรสอบถามความคืบหน้ากับพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีเป็นระยะ เพื่อทราบสถานะของการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

สามารถติดตามสถานะของการแจ้งความออนไลน์ได้หรือไม่?

การติดตามสถานะของคดีที่มีการแจ้งความผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถทำได้ แต่อยู่ภายใต้ดุลยพินิจและระบบการบริหารจัดการของสถานีตำรวจแต่ละแห่ง โดยแนวทางการติดตามมีความหลากหลาย ดังนี้

1. ติดต่อโดยตรงกับพนักงานสอบสวน

ผู้เสียหายสามารถติดต่อสอบถามความคืบหน้าโดยตรงกับพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดี ซึ่งบางสถานีอาจมีการจัดทำ ช่องทางสื่อสารเฉพาะ เช่น การเปิดบัญชี LINE Official เพื่อใช้สื่อสารและอัปเดตความคืบหน้าให้กับผู้เสียหายโดยตรง

2. เข้าพบที่สถานีตำรวจ

ในหลายกรณี ผู้เสียหายอาจจำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานีตำรวจที่รับแจ้ง เพื่อสอบถามข้อมูลด้วยตนเอง เนื่องจากพนักงานสอบสวนมีภาระงานจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถจัดส่งหนังสือแจ้งความคืบหน้าให้ผู้เสียหายได้ในทุกคดี

3. ติดตามผ่านเว็บไซต์บางหน่วยงาน

ปัจจุบันมีบางเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการติดตามสถานะคดีในเบื้องต้น เช่น ระบบติดตามคดีผ่านเว็บไซต์ของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าผู้เสียหายได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ระบบลักษณะนี้มักให้ข้อมูลในระดับกว้าง และไม่มีการอัปเดตสถานะอย่างละเอียดหลังจากที่มีการเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว

ดังนั้น หากผู้เสียหายประสงค์จะทราบความคืบหน้าของคดีอย่างต่อเนื่อง ขอแนะนำให้ติดต่อโดยตรงกับพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีเป็นหลัก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และตรงกับความเป็นจริงของแต่ละคดี

หากไม่สามารถแจ้งความออนไลน์ได้ ควรดำเนินการอย่างไร?

หากผู้เสียหายพบว่าไม่สามารถ แจ้งความออนไลน์ โดนโกง ได้ จำเป็นต้องพิจารณาก่อนว่าอุปสรรคเกิดจากขั้นตอนใด เนื่องจากการแจ้งเหตุผ่านช่องทางออนไลน์หรือสายด่วน 1441 มีขั้นตอนและเงื่อนไขบางประการที่ควรทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

โดยทั่วไป หากผู้เสียหาย ยังไม่ได้แจ้งธนาคาร และ ยังไม่ได้รับหมายเลข Bank Case ID จากธนาคารต้นทาง สามารถโทรแจ้งผ่านศูนย์ 1441 ได้ทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการรับเรื่อง และประสานงานกับธนาคารเพื่อดำเนินการอายัดบัญชีหรือระงับธุรกรรมในเบื้องต้น

อย่างไรก็ตาม หากผู้เสียหาย ได้แจ้งไปยังธนาคารเรียบร้อยแล้ว และได้รับ หมายเลข Bank Case ID มาแล้ว ตามระเบียบที่มีการตกลงร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้เสียหายจำเป็นต้องเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รับแจ้งและบันทึกข้อมูลคดีเข้าสู่ระบบโดยตรง ศูนย์ 1441 จะไม่สามารถรับเรื่องต่อได้ในกรณีนี้

กล่าวโดยสรุปคือ:

  • หาก ยังไม่มีเลข Bank Case ID → แจ้งผ่าน 1441 ได้
  • หาก มีเลข Bank Case ID แล้ว → ต้องเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจ

การเข้าใจขั้นตอนและลำดับที่ถูกต้องจะช่วยให้การดำเนินการแจ้งความเป็นไปอย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพในการติดตามและป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม

คำถามที่พบบ่อย FAQ

แจ้งความออนไลน์ คือการแจ้งเหตุหรือร้องทุกข์ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสืบสวนสอบสวน โดยผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานีตำรวจทันทีในขั้นต้น

มี 3 ช่องทาง ได้แก่ โทร 1441, ติดต่อธนาคารต่างๆ และแจ้งผ่านเว็บไซต์ thaipoliceonline.go.th

ควรเตรียมหลักฐานการโอนเงิน, ช่องทางติดต่อคนร้าย, และแชทหรือหลักฐานการสนทนาไว้ให้พร้อม

ไม่สามารถแทนได้ทั้งหมด แม้จะเริ่มต้นแจ้งผ่านออนไลน์ แต่ผู้เสียหาย ยังจำเป็นต้องเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจอย่างน้อยหนึ่งครั้ง เพื่อให้ถ้อยคำและดำเนินการสอบสวนอย่างสมบูรณ์ตามขั้นตอนทางกฎหมาย

ไม่มี การแจ้งความออนไลน์ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หมายเลข 1441, การแจ้งความด้วยตนเองที่สถานีตำรวจ, หรือการประสานงานกับธนาคารก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน ทุกขั้นตอนในกระบวนการแจ้งความเป็นบริการของรัฐเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย และ ไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการใด ๆ

หากมีบุคคลใดแอบอ้างเรียกรับเงินหรือค่าดำเนินการในนามของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ผู้เสียหายรีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันทีเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ข้อดีสำคัญคือ สามารถประสานงานกับธนาคารได้รวดเร็ว เพื่อดำเนินการอายัดบัญชีปลายทางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งช่วยลดความเสียหายและเพิ่มโอกาสในการติดตามทรัพย์สินคืนให้แก่ผู้เสียหาย

หากไม่สามารถแจ้งผ่าน สายด่วน 1441 ได้ อาจเป็นเพราะผู้เสียหาย ได้แจ้งธนาคารและได้รับหมายเลข Bank Case ID แล้ว ซึ่งในกรณีนี้ ผู้เสียหายต้อง เข้าพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจโดยตรง แต่หาก ยังไม่ได้แจ้งธนาคารและยังไม่มีเลข Bank Case ID สามารถแจ้งผ่าน 1441 ได้ตามปกติ

การ แจ้งความออนไลน์ เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รับทราบข้อเท็จจริงและเริ่มสืบสวน แต่ในทางปฏิบัติ การได้เงินคืน ยังคงต้องอาศัย ความร่วมมือของธนาคาร การ ดำเนินคดีทางแพ่ง ต่อศาล และการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ผู้เสียหายควรรีบดำเนินการรวบรวมหลักฐาน และติดต่อเพื่อเพิ่มโอกาสในการเรียกคืนเงิน และระวังการถูกหลอกซ้ำโดยศูนย์ช่วยเหลือปลอม